อาจารย์ได้ดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เหมือนกับผู้คนอื่นๆในสังคม แล้วก็ดูเขาตีความกันไปต่างๆนานา แต่พี่ฟังแล้วทำใจไม่ได้คือ คนมองเข้าไปได้ไม่ลึกซึ้งในแก่นคำสอนของตถาคต อาจารย์จึงขอแสดงทัศนะบ้างว่า คุณกาโตะนั้น กระทำผิดในแง่”โลกียะ” แต่ไม่ผิดในแง่“โลกุตระ” แต่หากอดีตหลวงพี่กาโตะ เข้าไปไม่ถึงเนื้อหาโลกุตตระในชีวิตนี้ ก็จะแบกกรรมที่ตัวเองกระทำติดตัวไปด้วย ว่าเป็น”ปาราชิก”
แต่ตถาคตไม่ได้เคยบัญญัติไว้เลยว่า ภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิก จะเป็นการปิดกั้นการหลุดพ้นในชีวิตนี้ เท่าแต่ขาดจากความเป็นพระเท่านั้นเอง อาจารย์ได้ฟังบางท่านวิจารณ์กันไป ปรุงแต่งกันไปว่า กรรมของอดีตหลวงพี่กาโตะนั้น ถึงขั้นตกนรกหมกไหม้ แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นคงลืมไปว่า อดีตหลวงพี่กาโตะแค่ปาราชิก ไม่ได้กระทำอนันตริยกรรม คือ ทำหมู่สงฆ์ให้แตกแยก ฆ่าบิดา-มารดาผู้ให้กำเนิด ทำพระพุทธเจ้าให้ห้อเลือด
เฉกเช่นเดียวกับพระองคุลีมาล ฆ่าคนมา999ศพ เหลืออยู่ผู้เดียวคือมารดาผู้ให้กำเนิด ตถาคตมาโปรดไว้ทัน เพื่อยับยั้งอนันตริยกรรม จนพระองคุลิมาลได้ดวงตาเห็นธรรม หลุดพ้นเป็นพระอรหันต์ในชีวิตนั้น แต่เหตุการณ์ของอดีตหลวงพี่กาโตะนั้น ยังไม่เห็นมีการฆ่าใคร ให้ร่วมกองลงทั้งสองบางเลย ดังนั้นคงจะมีใครปรุงแต่งกันเกินไป จนเลยคำสอนของตถาคตไปแล้วล่ะ!
อาจารย์จึงขอสรุปทัศนะของตัวเองไว้ว่า อดีตหลวงพี่กาโตะนั้น ผิดในแง่”โลกียะ” คือความมี ความเป็น ความถูก ความผิด ความรับได้ ความรับไม่ได้ ในวิถีปุถุชน ซึ่งเป็นอารมณ์ของปุถุชน ที่มีทั้งคนรักและคนเกลียด จึงหาสิ่งที่ถูกต้องตรงจริงมาตัดสินไม่ได้ เพราะจิตปุถุชนนั้นขึ้นๆลงๆ คงมีแต่คำตถาคตเท่านั้น ที่ตัดสินได้ว่า ผิดในแง่โลกียะคือขาดจากความเป็นพระ แต่ยังไม่ได้ปิดกั้น”โลกุตตระ” คือการหลุดพ้นในชีวิตนี้นั่นเอง
ร่ายมาเสียยาว ขอเข้าเรื่องหลักโหราศาสตร์เลยแล้วกัน จริงๆแล้วตั้งใจว่าแค่มองผ่านๆไป เพราะไม่นานเรื่องนี้คนจะค่อยๆลืมกันไป แต่พี่สะกิดใจ แล้วหยิบดวงชะตาของอดีตหลวงพี่กาโตะ ขึ้นมาวิจารณ์ เพราะมีนักโหราศาสตร์บางท่าน ใส่อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองลงไปเยอะเกิน จนทำให้วิถีชีวิตของอดีตหลวงพี่กาโตะหลังจากนี้นั้น อาจจะตรงกันข้ามกับที่ท่านผู้นั้นวิจารณ์ไว้
อาจารย์เลยขอวิจารณ์ใหม่ ไม่อินกับข่าวจนเกินไป และก็ค่อยๆมาดูชีวิตของเขาหลังจากนี้ไปว่า เป็นไปดังที่อาจารย์ อันผู้มีความรู้น้อยนิดวิจารณ์ว่า พอจะมีเค้าโครงความจริงเกิดขึ้นในอนาคตบ้างหรือไม่ หากผิดพลาดประการใด ก็ขอน้อมรับไว้ในฐานะผู้น้อย ที่ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ขอท่านจงให้อภัย!
ในดวงชะตาของหลวงพี่กาโตะนั้น มีดาวความรักคือพฤหัสบดี(๕) เป็นดาวบริวาร ที่แปลว่า แฟน คนรัก คนใกล้ตัว ลูกน้อง ทีมงาน คนในสังกัด ดาวพฤหัสบดี(๕)อยู่เป็น8แก่ลัคนา เป็นพินทุบาทว์ เป็นจุดเสียในดวง กุมกับดาวอริห์+ปุตตะ คือดาวเสาร์(๗) ซึ่งเป็นกาลี+นิจ อันนี้เป็นกรรมเก่าในพื้นดวง ค่อนข้างชัดเจนว่า เรื่องความรัก-ความใคร่ จะนำมาซึ่งความตกต่ำในชีวิตในอนาคตแน่นอน รวมถึงมีศัตรูที่เปิดเผยตัว และปิดบังตน อันเป็นคนข้างกายล้วนๆ ที่จะคอยสกัดเส้นทางชีวิต เป็นช่วงๆตามวาระกรรม ซึ่งในอนาคตก็มีโอกาสเกิดขึ้นอีก หากขาดความระมัดระวังนั่นเอง
หลักวาสนานั้นตกดาวศุกร์(๖) เป็นคนวาสนาดี และจะดียิ่งๆขึ้นไปตามอายุ เท่าแต่ดาวศุกร์(๖)นั้น ถูกส่งไปตกวินาศ จึงทำให้เข้ามาในวงการบันเทิงคงไม่เด่นดัง แต่ถ้าเป็นคนหลังเงา เป็นนายหนังตะลุง ก็จะมีคนให้การสนับสนุนส่งเสริม เป็นที่นิยมชมชอบขึ้นไปได้อีกตามอายุ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเขย่ง-ก้าว-กระโดด เพราะดาวศุกร์(๖)นั้น โคจรมนฑ์ตอนเกิด ทลิตโทฤกษ์ไม่ถูกพิษ แต่จะอยู่ในวงการนี้ได้นานไปเรื่อยๆเช่นกัน
หลักลัคนานั้นเสวยภูมิปาโลฤกษ์ ส่งดาวพุธ(๔)ไปเป็นอุจจ์ เป็นมนตรีเข้านวางค์ศรี ดาว๑,๔กุมลัคนา ดวงชะตาของอดีตหลวงพี่กาโตะ จึงเหมาะมากที่จะรับราชการ หรืออยู่ในงานด้านวิชาการ เป็นนักพูด เป็นพิธีกร เป็นนักทอล์คโชว์ งานด้านนี้แหละเป็นเกียรติ เป็นศรี เป็นเงิน-เป็นทอง มีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนส่งเสริมดีมาก แต่ก็ให้ระวังการถูกขัดแข้ง-ขัดขา จากศัตรูที่เห็นหน้า และไม่เปิดเผยตัว ซึ่งอนาคตก็อาจจะทำให้อดีตหลวงพี่กาโตะ เสื่อมเสียชื่อเสียงได้เป็นช่วงๆตามวาระกรรมเช่นกัน
เหตุการณ์ในปีนี้
อดีตพระกาโตะนั้น ดวงชะตาอยู่ในช่วงการชดใช้วาระกรรมเก่า จริงๆแล้วควรบวชสัก6พรรษา จึงจะพ้นช่วงเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ ซึ่งหากสึกออกมาหลังพรรษาที่6 ชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองไปตามลำดับ แต่ด้วยความที่ปัญญาทางโลกมีมาก ปัญญาทางธรรมมีน้อย เข้าไม่ถึงแก่นแท้แห่งคำสอนตถาคต ใช้แค่ความสามารถด้านการพูดเพื่อจรรโลงพระศาสนา แต่นั่นก็ได้แค่เปลือกนอก อันเป็นโลกียธรรม ไม่ได้แก่นแท้ที่เป็นโลกุตตระ พอเหตุการณ์เข้าสู่พรรษาที่3 จึงไม่สามารถต้านทานกรรมเก่าในพื้นดวง เรื่องรักๆใคร่ๆ และคนใกล้ตัวให้โทษได้
อดีตพระกาโตะนั้น ดวงชะตาอยู่ในช่วงการชดใช้วาระกรรมเก่า จริงๆแล้วควรบวชสัก6พรรษา จึงจะพ้นช่วงเคราะห์ครั้งนี้ไปได้ ซึ่งหากสึกออกมาหลังพรรษาที่6 ชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองไปตามลำดับ แต่ด้วยความที่ปัญญาทางโลกมีมาก ปัญญาทางธรรมมีน้อย เข้าไม่ถึงแก่นแท้แห่งคำสอนตถาคต ใช้แค่ความสามารถด้านการพูดเพื่อจรรโลงพระศาสนา แต่นั่นก็ได้แค่เปลือกนอก อันเป็นโลกียธรรม ไม่ได้แก่นแท้ที่เป็นโลกุตตระ พอเหตุการณ์เข้าสู่พรรษาที่3 จึงไม่สามารถต้านทานกรรมเก่าในพื้นดวง เรื่องรักๆใคร่ๆ และคนใกล้ตัวให้โทษได้
เพราะพอเข้าพรรษาที่3นั้น ลัคนาจรโคจรเข้านวางค์บริวาร ที่หมายถึง แฟน คนใกล้ตัว ในสมโณฤกษ์ถูกพิษ สมโณฤกษ์เป็นฤกษ์ของนักบวช ผู้ปฏิบัติธรรมอยู่แล้ว พอถูกพิษจากบริวารเข้า ก็มีเหตุการณ์เข้ามากระตุ้น จนต้องลาสิกขาบทนั่นเอง เพราะต้นเหตุจากดาว๕,๗กุมกันในพื้นดวง ดาวคู่นี้เป็นดาวกามารมณ์ เมื่อภิกษุไม่สามารถอยู่ป่า อยู่โคนไม้ แสวงหาที่สงัดได้ มีแค่ความอ่อนวัย กับไมโครโฟน ผนวกกับได้แค่โลกียธรรม ไม่เข้าถึงโลกุตตระธรรมได้ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามข่าวนั่นเอง
เมื่ออดีตหลวงพี่กาโตะไม่สามารถอยู่ได้จนถึงพรรษาที่6 แสดงว่ามีกรรมเก่าต้องชดใช้อีก3ปี เป็นความลำบากทุกข์ยากในชีวิต จับอะไรแล้วไม่ค่อยเป็นชิ้นเป็นอัน แนะนำว่าในช่วง3ปีนี้ ควรใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการไปเรียน ยกวิทยฐานะของตัวเอง หลังจากนั้นอีก3ปี ชีวิตก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปตามลำดับนั่นเอง
เพราะดวงนี้นั้นมีวาสนาดีในด้านการพูด การปราศรัย การให้ความบันเทิงกับผู้คน โดยเฉพาะโลกออนไลน์ อาจารย์พยากรณ์ให้ใหม่ ในอีกมิติหนึ่ง เพื่อให้เห็นความจริงว่า ดวงชะตาของอดีตพระกาโตะนั้น จะเจริญรุ่งเรืองขึ้นไปได้อีก ด้วยวาทศิลป์และความอ่อนน้อม-ถ่อมตน มีคนรักให้การสนับสนุนส่งเสริม ไม่ใช่ว่าจะตกต่ำไปตลอด เป็นแค่ช่วงกรรมเก่า6ปีเท่านั้นเอง
ส่วนที่วิจารณ์กันว่า จะไม่มีโอกาสได้กลับมาบวชอีกแล้ว จริงๆแล้วในจิตใจของเขาก็ไม่ได้มีปัญญาทางธรรมมาสูง ยังเข้าไม่ถึงสิ่งที่เป็นแก่นแท้แห่งคำสอนตถาคต จิตใจของเขามุ่งไปในความอยากมี อยากได้ อยากเป็น ในทางโลกมากกว่า ที่เข้ามาบวช ก็ทำด้วยประเพณีนิยม พอบวชมาก็ไม่ได้แสวงหาที่สงัด อยู่ป่า อยู่โคนไม้ ไม่ได้มีจิตใจมุ่งไปให้ถึงที่สุดแห่งธรรมไม่ แสดงว่าโอกาสในการบวชรอบใหม่ ย่อมมีน้อย แต่หากเป็นการบวชตามประเพณีนั้น ก็สามารถทำได้อยู่เป็นธรรมดา ธรรมชาติของปุถุชนคนทั่วไปนั่นเอง
0 comments:
Post a Comment