หลักลัคนาของนายวินัย ละอองสุวรรณ สถิตในราศีสิงห์ ซึ่งเวลาตกฟากอันแท้จริงนั้น อาจารย์ไม่รู้ แค่วิเคราะห์จากพฤติกรรมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง บนความน่าจะเป็นว่าเกิดประมาณ03:10น. ซึ่งหากเวลานี้ผิด รบกวนผู้รู้โปรดแจ้ง จะได้พยากรณ์ให้ถูกต้องตรงจริงที่สุด
เมื่อลัคนาสถิตราศีสิงห์ จึงกุมอังคาร(มนตรี) กุมศุกร์(เป็นศรี) เป็นดาวคู่มิตร นายวินัย ละอองสุวรรณ จึงเป็นคนสุภาพ เรียบร้อย อ่อนน้อม อ่อนหวาน หน้าตาดี เพรียบจริยวัตร ใครเห็นใครรักโดยธรรมชาติ ไปที่ใดๆก็มีผู้ให้การสนับสนุนส่งเสริม ผู้คนเคารพศรัธทา ผู้ใหญ่รักใคร่เอ็นดู สมัยเป็นนักศึกษา ได้เรียนในสาขาบริหารธุรกิจ และก็มีความฝันอยากเป็นไกด์นำเที่ยว
แต่ด้วยหลักวิถีชีวิตของหนุ่มน้อย วินัย ละอองสุวรรณ ตอนเกิดนั้น สถิตในกลุ่มดาวลูกไก่ หลักนี้ส่งดาวพฤหัสบดีไปเป็นเกษตร เป็นพินทุบาทว์ในเรือนมรณะ วิถีชีวิตเลยส่งผลให้ นายวินัย ละอองสุวรรณ เบื่อวิถีชีวิตทางโลก ได้บวชเป็นฤาษียันตระ แล้วไปเอาจริงเอาจังในด้านการแสวงหาเส้นทางการออกจากทุกข์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในช่วงวัยต้นของชีวิต เพราะพฤหัสบดีคุณภาพดี แถมสถิตในกลุ่มดาวราชสีห์ตัวเมีย
แต่พฤหัสบดีดวงนี้ยังกุมจันทร์(อุตสาหะ)ที่ทับกันเกือบสนิท ส่งผลให้ฤาษียันตระ เป็นคนที่มีบุญเก่าในทางธรรมทำมาดี ปฏิบัติในฌาณสมาบัติได้บรรลุผล มีเมตตาบารมีดั่งมหาโพธิสัตว์ ชอบให้ความรู้ อบรมสั่งสอนศิษย์ ไปในทิศทางใดก็มีแต่คนรักใคร่ศรัทธา เพราะพฤหัสบดีกุมจันทร์ กุมเกตุอีกดวง แปลว่าภาคทิพย์ให้คุณ ตกน้ำไม่ไหล-ตกไฟไม่ไหม้ ญาณวิสัยแก่กล้า ดาว3ดวงนี้ร่วมกันทับฆาตสำคัญตอนเกิด แปลว่า จะสำเร็จธรรมชั้นสูง อันเป็นปรมัตถ์นั่นเอง
นี่คือด้านดีของดาวทั้ง3ดวง ที่ส่งวิถีชีวิตขึ้นไปได้สูงสุดในช่วงวัยกลางคน แต่หลังวัยกลางคนเป็นต้นไป ดาว3ดวงนี้ก็จะร่วมกันส่งกระแสร้ายแก่ชะตาชีวิต เพราะมันร่วมกันตกมรณะ เป็นพินทุบาทว์ จันทร์มาจากเรือนวินาศน์ พฤหัสบดีเป็นเจ้าเรือนอริเศษด้วย ซึ่งจะสาธยายต่อไปทีหลัง
เรากลับมาเล่าต่อกันเรื่องฤาษียันตระ หลังจากที่อาศรมสาธนามีผู้คนหลั่งไหลกันมามากขึ้น ฤาษียันตระก็เริ่มเบื่อในความเป็นอยู่บนเกาะเสม็ด จึงได้ลาฤาษีชาญไปจาริกเส้นทางพุทธภูมิทั้งเนปาลและอินเดีย แล้วต่อด้วยการปฏิบัติธรรมชั้นโลกุตตระ วิเวกไปในสถานที่ต่างๆ เช่น ถ้ำเขาสาริกา(นครนายก) ถ้ำลานพระแก้ว(ภูกระดึง จ.เลย) ถ้ำแก้วสุรกาญจน์(นครศรีธรรมราช) จนสิ้นสงสัยในธรรม
แล้วเคยเป็นชีปะขาวคนแรกที่ได้ขึ้นนั่งธรรมาสน์เทศนาธรรม ณ วัดสวนโมกข์ เมื่อครั้งอาจารย์พุทธทาสภิกขุยังอยู่ ด้วยคำกล่าวท้วงติงจากอาจารย์พุทธทาสว่า “มัวเล่นอะไรอยู่เหมือนเด็ก” ฤาษียันตระเลยตกใจว่า นี่เราเล่นฌาณ ญาณ กสิน สมาบัติ มาตั้งหลายปี แต่อาจารย์พุทธทาสดันอ่านใจเราออกได้ละเอียดขนาดนี้ ภิกขุผู้เงียบขรึม ดูธรรมดาๆ แต่ภูมิธรรมท่านสูงและแตกฉานขนาดนี้ เห็นสมควรที่เราจะเอาท่านเป็นแบบอย่าง
หลังจากนั้นฤาษียันตระเลยบวชเป็นภิกขุ ณ พัทธสีมารัตนาราม ปากพนัง นครศรีธรรมราช ฉายานามว่า ยันตระ อมโรภิกขุ ส่วนฤาษีชาญก็ได้สละเพศฤาษี ออกไปใช้ชีวิตทางโลก มีเมีย มีลูก จน10ปีที่ผ่านมา อาจารย์เลยได้รับฟังเรื่องราวเหล่านี้จากปากฤาษีชาญและศิษย์คนสนิทของอ.ยันตระอีกหลายๆคน
คราวนี้กลับมาดูด้านลบ ของหลักวิถีชีวิต ที่ส่งกระแสเสียหลังวัยกลางคนเป็นต้นไป เพราะมันส่งพฤหัสบดี จันทร์ และเกตุ ไปตกวินาศน์ เป็นจุดเสียในดวง เป็นกรรมเก่าที่ย้อนมาส่งผลว่า จะต้องมีปัญหาอุปสรรคประดังเข้ามา จนต้องจากถิ่นฐานบ้านเกิดเมืองนอน จากญาติพี่น้อง ศิษยานุศิษย์ ไปอยู่แดนไกล และดับขันธ์ละสังขารลง ณ ต่างแดน ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ อาจารย์เคยได้ฟังเรื่องเล่าจากปากหลวงพ่อจำเนียร สีละเสฏโฐ ณ วัดถ้ำเสือวิปัสสนา จ.กระบี่
ท่านเล่าว่า เคยนั่งปรารภกันระหว่างหลวงพ่อจำเนียรและอ.ยันตระว่า อนาคตจะอยู่เหมือนฤาษี ผมยาว เคราขาว เพราะวิบากกรรมในอดีตชาติจะตามมาส่งผล หลวงพ่อจำเนียรแนะนำว่า โลกจะโจษจันใดๆก็ขออย่าปฏิเสธ ไม่ต้องยืนยันความบริสุทธิ์ แต่อ.ยันตระยืนยันว่า กรรมใดๆก็เป็นวิบากทางกายที่ส่งผลมาแต่อดีต แต่ไม่ได้กระทบต่อการปล่อยวางในภายในได้ กรรมใดๆก็แล้วแต่ จะขอชดใช้ให้หมดในชาตินี้
เจ้ากรรมนายเวร คือ ดาวเสาร์เจ้าเรือนปัตนิ เล็งดาวพฤหัสบดีแบบ180องศา เป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่จะมากล่าวโทษโจษจันในเรื่องชู้สาว พฤหัสบดีกุมจันทร์อีกคู่อย่าดูเบา จันทร์เล็งเสาร์ก็เข้าที อังคารเล็งราหูนี้อีกคู่ ราหูเล็งลัคน์เป็นตัวยืนยันว่า เป็นกรรมในเรื่องถูกโจษจันให้เสียหายในเรื่องผู้หญิง เป็นกรรมเก่าที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ตรงตามหลักโหราศาสตร์ชั้นสูงทั้งหมดจริงๆ
แต่วิถีชีวิตของอ.ยันตระ ในช่วงหลังวัยกลางคน ยังไปได้ดี เป็นที่นิยมชมชอบ เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้แสวงหาการออกจากทุกข์ การปฏิบัติธรรมในต่างแดน เป็นกูรู เป็นครูสอนธรรมที่โด่งดังในระดับนานาชาติ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นคุรุผู้มีเมตตาธรรมสูงส่ง แม้นจะกลับมาเยือนบ้านเกิดเป็นครั้งคราว ก็ยังได้รับความเคารพศรัทธาจากศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศเหมือนเดิม
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? อาจารย์ได้รับฟังข้อมูลอีกด้านจากอดีตพระอภินันท์ ผู้ที่อยู่ในกุฏิตรงทางเดินขึ้นเขา ใกล้กับกุฏิอ.ยันตระว่า ใครจะเข้าหาพระอาจารย์ในยามวิกาลนั้น ต้องผ่านกุฏิของท่านก่อน เพราะทางขึ้นมีทางเดียวเท่านั้น แล้วเรื่องราวที่โดนโจษจันจะเป็นจริงได้อย่างไร? เพราะตนติดตามอ.ยันตระตลอดเวลา ไม่เคยห่างกาย และพยานบุคคลอีกหลายท่าน ที่ยืนยันได้ว่า หญิงผู้ก่อเหตุได้มาสารภาพผิดก่อนตายว่า ตนทำไปเพราะอามิสสินจ้าง เพื่อนำเงินมารักษาตัว ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
แต่ด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง อ.ยันตระก็อโหสิกรรมให้ทุกคน และยังจดทะเบียนรับรองบุตรให้เด็กน้อยคนนั้นด้วย ซึ่งเวลาผ่านมาหลายปี พยานบุคคลทั้งหลายยังคงมีชีวิตอยู่ทั้งหมด และไม่มีใครคิดจะพิสูจน์ความจริง ปล่อยให้เป็นเรื่องของกรรมไป คนโจษจันก็ว่ากันไป ผู้แสวงหาการออกจากทุกข์ ก็เดินสวนทางกับวิถีปุถุชนอยู่แล้ว เช่นนั้นเอง