มีหลายท่านสอบถามมาว่า ให้อาจารย์ลองวิจารณ์ดวงของคุณแตงโม นิดา ให้ฟังหน่อย แต่อาจารย์ก็ปฏิเสธไปหลายครั้ง เพราะไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับวงการดารา และการเมือง เรานั้นเป็นศิษย์มีอาจารย์ เก็บรักษาวิชาโหรไว้เพื่อจรรโลงพระศาสนา และชี้แนะทิศทางชีวิตที่ดีที่สุดให้ผู้คน ให้เขาแก้ปัญหากรรมของเขาเองด้วยสติปัญญา และการปล่อยวางทางใจ แต่บังเอิญฉุกคิดขึ้นมาได้ถึงพระสูตรนึงของตถาคต กล่าวว่า ให้มีมรณานุสติอยู่เนืองๆ คือภาวนาอยู่ข้างใน เอาจิตสนใจ-ใส่ใจ อยู่แต่กับความตายสม่ำเสมอ มองเห็นความตายว่าจริงแท้ ต้องเกิดขึ้นกับชีวิตเราแน่นอน ความไม่ยึดติดในร่างกายนี้ ก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อภายนอกก็ไม่ยึด อารมณ์ความรู้สึกนึกคิดในภายในก็ไม่ยึด จะเข้าสู่ความไร้ตัว-ไร้ตนไปเรื่อยๆ เมื่อนั้นแหละ สักกายะทิฏฐิของเราจะหมดไป ความมีตัวตน-อีโก้ของเราจะหมดไป เมื่อสังโยชน์ตัวแรกวางได้ ก็เข้าสู่ความไร้ตัว-ไร้ตน ตรงนี้ตถาคตยืนยันว่า เข้าสู่ความเป็นโสดาบันแล้ว
ร่ายมาเสียยาว ขอกลับเข้าสู่เรื่องวิจารณ์ดวง ของคุณแตงโมนิดากันต่อ มนุษย์เราเข้าใจกันว่าเขาจากไปด้วยเวลาอันไม่ควร เราเข้าใจกันว่า เวลาอันควรของมนุษย์ต้อง 60 ปี 80 ปีหรือ 100 ปี แต่เราลืมความจริงข้อหนึ่งว่า เวลาอันควรของชีวิตมนุษย์นั้น คือเวลาเท่าที่แต่ละคนได้มีอยู่ในขณะนั้น แม้แต่ตัวอาจารย์เองก็เหมือนกัน ตายไปพรุ่งนี้ เวลาอันควรจริงๆก็มีอยู่แค่นี้แหละ แต่หากเราย้อนกลับไปว่า ช่วงเวลาตั้งแต่จำความได้ จนมาถึงวันนี้ เราใช้เวลาในชีวิตให้เป็นไปเพื่อเป้าหมายอันแท้จริง ที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์หรือเปล่า? เพราะโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากนักหนา ตถาคตใช้นิ้วเขี่ยดินขึ้นมา แล้วเปรียบเทียบว่า เศษดินที่ติดอยู่ที่ปลายเล็บนี้ คือโอกาสที่เราได้เกิดเป็นมนุษย์ ในขณะที่ดินทั้งผืนโลกนี้ คือผู้ที่ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เดรัจฉาน เปรตวิสัย และโอกาสยากยิ่งกว่าเดิมอีก ที่เกิดมาเป็นมนุษย์ชีวิตนี้แล้วจะได้เกิดกลับมาเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีปริมาณเท่าเศษดินปลายเล็บนี่แหละ มนุษย์ส่วนใหญ่ ตายไปจากชีวิตนี้แล้ว เท่ากับดินทั้งผืนปฐพีนี้แหละ ที่ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เดรัจฉาน เปรตวิสัยเสียมากกว่าโดยแท้ ดังนั้นเป้าหมายอันแท้จริงของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว คือการทำกิจในภายในนี้ เพื่อไม่ให้ไปเกิดเป็นสัตว์นรก เดรัจฉาน เปรตวิสัยอีกหรือได้เกิดเป็นมนุษย์ใหม่ก็ไม่เกิน 7 ครั้ง จะยุติการเวียนว่ายของตนได้สมบูรณ์ อาจารย์ร่ายยาวให้ฟัง เพื่อให้เราเห็นความจริงของชีวิตว่า บุคคลที่พูดถูกต้อง-ตรงจริง-ตลอดกาลนั้นท่านกล่าวไว้แบบนี้ หากเชื่อท่าน ชีวิตข้างหน้าก็ไม่ไปสู่การตกต่ำได้อีกแล้ว นั่นคือการเร่งความเพียรในการปล่อยวางทางใจ แล้วจะรู้แจ้งเห็นจริงได้ด้วยตัวท่านเอง
สรุปคือ เป้าหมายของการวิจารณ์ดวงคุณแตงโมนิดาในครั้งนี้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า เวลาอันควรของการมีชีวิตอยู่นั้น ได้เท่าไหร่-ก็เท่านั้น พรุ่งนี้ตื่นมายังมีลมหายใจต่อ วันนั้นคือเวลาอันควรอีกวัน ได้แค่นั้น-ตามนั้น มนุษย์โลกนั้นสามารถตายในท่ามกลาง-ระหว่างได้ ตถาคตหมายความว่า ถ้าแม้นว่าอายุขัยเราจะมีถึง 60 ปี 80 ปี 100 ปี แต่หากวิถีชีวิตตั้งอยู่บนความประมาท ไม่เร่งความเพียรเพื่อเข้าถึงเป้าหมายอันแท้จริง นั่นคือการหยุดการเวียนว่าย ก็จะสามารถเสียชีวิตได้ในทุกเวลา เช่นตัวของอาจารย์เอง มีความตายเป็นสรณะวางใจ เตรียมใจพร้อมตายในทุกขณะของชีวิต ในภายในจึงเป็นอิสระ ไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คา มีใจน้อมไปในคำตถาคตเป็นที่สุดนั่นเอง
เรามาเริ่มต้นจากการดูกรรมเก่า ในพื้นดวงกันก่อน หลักกรรมเก่านั้นเข้าทับดาว๖แบบสนิทองศา ตรงนี้เป็นตัวยืนยันเรื่องกรรมเก่าของแตงโมนิดาว่กรรมเก่าในเรื่องความรัก จะตามมาให้เขาได้ชดใช้ในชีวิตนี้ ซึ่งดาว๖นี้ก็เป็นดาวความรักของแตงโมนิดาอยู่แล้วนั่นเอง และหลักกรรมเก่าส่งดาว๔เข้านวางค์วรโคตร ติดพิษครุฑ ตรียางค์ ๕ แสดงว่าดาว ๕ ดวงนี้มีโทษแฝงมาด้วย ดาว๕ มาจากภพกฎุมพะ และภพปุตตะ หมายความว่า
- ในช่วงวัยต้นของชีวิต ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการเงิน ค่าใช้จ่ายไม่ค่อยเพียงพอ
- ปุตตะ แปลว่า การเรียน การศึกษา ก็จะได้รับไม่เต็มที่ เพิ่งได้มาเรียนเต็มที่เอาตอนวัยกลาง- ปุตตะ แปลว่า ลูกด้วย ฉะนั้นการมีลูกของเขา จะมีปัญหาตามมาด้วยในอนาคต
หลักกรรมเก่าเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า เนื้อในนั้นมีเสียอยู่ประมาณ 30% แต่เป็นกรรมเก่าที่ไม่มากเพราะยังมีส่วนดีอีก 70% คือเรื่องการงานของเขา มีดังนี้คือ
- ๔ เป็นดาวมนตรี จึงมีผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องของการงานมาก และมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุ
- ๑ เป็นดาวจิตใจ ความคิด-จิตใจ จึงมุ่งมั่นอยู่แต่กับงานมาก เพราะการงานเป็นเกียรติ เป็นศรี สร้างลาภผล เงินทองและความโด่งดังให้เธอ
- พอ๑,๔ กุมกันเป็นคู่วิชาการ แตงโมนิดาจึงมีงานมาก และทำงานได้หลากหลายสไตล์ ทั้งงานแสดง และงานด้านวิชาการ
แต่ตัวเธอเองก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่า ปลายทางของเรื่องการงานนั้น จะนำตนเองไปสู่ปัญหา อุปสรรค ความไม่สบายกาย-ไม่สบายใจ ในตอนหลัง เพราะว่าการงานนั้นส่งดาว ๓ มาถูกพิษเขี้ยวที่ลัคนา เป็นกรรมเก่าในเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรเบียดเบียน ทั้งที่เป็นคนและเป็นภาคทิพย์ที่เธอไม่เข้าใจ
ตามดูไปจนสุดในเรื่องของกรรมเก่านี้ ปรากฏว่าส่งดาวอายุที่ติดพิษเขี้ยว เข้าฤกษ์เสีย แถมเล็งลัคนาแบบ 180 องศาเสียอีกด้วย สักวันการงานของเธอ จะนำเธอเข้าสู่จุดลำบากในชีวิตหาตัวยืนยันตัวสุดท้ายคือ ๒เข้าตรียางค์พิษเขี้ยว ไปเข้าสู่ฤกษ์เสีย พิษนาคซ้ำเติมอีกทีในภพอริห์ ยืนยันได้ชัดเลยว่า เหตุการณ์จะเริ่มต้นในงานนั้นแหละ จะนำพาวิถีชีวิตของแตงโม นิดา ไปสู่ความยากลำบาก มีปัญหาหนักเข้าสักวันในตอนท้ายนั่นเอง
อาจารย์พิจารณาเรื่องกรรมเก่าร่ายยาวมา เพื่อหาจุดหมายปลายทางว่า กรรมเก่าของเขานั้นจะนำพาชีวิตมาสู่ปลายทางเช่นนี้ ซึ่งหากเราใช้หลักโหราศาสตร์ขั้นพื้นฐาน จะมองไม่เห็นวิถีกรรมของแตงโมนิดาในครั้งนี้เลย แต่ในหลักโหราศาสตร์ไทยโบราณนั้น สามารถตามไปจนสุดปลายทางได้ และผลก็ออกมาให้เราเห็นตามหน้าสื่อต่างๆนั่นเอง
ต่อไปเรามาพิจารณากันที่ลัคนา เป็นเรื่องตัวตนของคุณแตงโมนิดา เป็นการดำเนินไปแห่งชีวิตของเขา ปรากฏว่าลัคนาของเขามี 9 องศา 37 ลิปดา ที่ราศีพิจิก ส่งดาว ๔ เข้าภพการงาน เหมือนที่วิจารณ์มาก่อนหน้านี้ว่า ชีวิตจิตใจของเขามุ่งอยู่แต่กับการงาน และปลายทางของการงานนั้น ไปตกภพอริห์ติดพิษ จะเกิดปัญหา อุปสรรค กับชีวิตของเขา ในตอนท้ายแน่นอน
ต่อไปมาพิจารณากันที่หลักวาสนา ตกอยู่ที่ภพลาภะ เป็น 11 แก่ลัคนา ส่งผลคุณใหญ่แก่ชะตาชีวิตคุณแตงโมนิดา จะมีลาภผล เงินทอง และความสำเร็จในชีวิตมาก แต่เป็นเฉพาะช่วงต้นของชีวิต แต่ในตอนท้ายนั้น หลักวาสนาเข้าสู่ฤกษ์เสีย ติดพิษ ชีวิตจะเข้าสู่ความยากลำบาก มีปัญหา อุปสรรค เข้ามาผจญแน่นอน
ต่อไปมาพิจารณากันที่จุดสุดท้ายนั้นคือบุญเก่า เราดูบุญเก่าเพื่อหาว่า จะมีผลเปลี่ยนร้าย-กลายเป็นดี นำพาวิถีชีวิตของเขา ให้รอดพ้นปัญหา อุปสรรคไปได้หรือไม่ เพราะหลักอื่นๆก่อนหน้านั้น มองแบบละเอียดอย่างไร ก็ดีในตอนต้น และร้ายในตอนปลาย เอาหลักบุญเก่ามาตัดสินกันเลยดีกว่า ผลปรากฏว่า หลักบุญเก่านั้นอยู่เป็น 8 แก่ลัคนา ตกภพอริห์จึงให้โทษ เข้าสู่ฤกษ์เสีย ติดพิษ ส่งดาว ๓ เจ้าการให้โทษนั้น มาเข้าสมโณฤกษ์ ติดพิษเขี้ยวดาว ๓ ดวงนี้ ทับลัคนา ส่งดาว ๘ ซึ่งเป็นเชื้อพิษเขี้ยวแฝงอยู่แล้ว ไปเข้าโจโรฤกษ์ เป็นฤกษ์ร้าย แถม ๘ เล็งกลับมายัง ๓ เกือบ 180 องศา ให้โทษชัดเจน ประกอบกับดาวมฤตยูโคจรมนตอนเกิด เกือบจะทับลัคนาเต็มที่ ห่างกันแค่ไม่กี่องศา มฤตยูโคจรหมุนวนตอนแตงโมนิดาเกิด ขยี้ดาว ๖ อันเป็นดาวความรักของเขาอยู่ในพื้นดวง
จึงสรุปเรื่องบุญเก่าได้ว่า เจ้ากรรมนายเวรตามมาเอาคืนเยอะ ทั้งที่เป็นภาคทิพย์ ซึ่งเธอไม่อาจเข้าใจได้ สมโณฤกษ์ ตรียางค์พิษเขี้ยวนั้น เป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรโดยตรงซึ่งเมื่อถึงยามชีวิตขาลง เขาก็จะเอาคืน เอาคืนกับเจ้าตัวไม่ได้ ก็จะไปส่งกระแสความคิด กระแสอารมณ์ใส่มนุษย์ที่อยู่ใกล้ชิด ดลจิตดลใจให้มนุษย์กระทำ หรือไม่กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้คุณแตงโมนิดาได้ชดใช้กรรมในอดีตชาติแก่เขา พอมาถึงตรงนี้อาจารย์มองไปในมิติไหน ดวงของคุณแตงโมนิดานั้น ไม่มีดาวดวงไหนที่จะทำให้เขาเห็นทุกข์และเห็นธรรม
และนำพาวิถีชีวิตเข้าสู่ธรรมขั้นการปล่อยวางทางใจได้ เพราะชีวิตจิตใจของเขา มุ่งไปในมิติของความมี-ความเป็น เกียรติและชื่อเสียงในทางโลก จึงไม่สามารถเข้าใจกรรมของตัวเองได้ หรืออาจไม่เชื่อเสียด้วยซ้ำ และปิดช่องทางเรื่องการฝึกจิต-การปล่อยวาง สมาธิเหล่านี้ไปเลย เพราะบุญเก่าของเขาหมดแล้วจริงๆ เขาไม่ได้ทำเพิ่ม บุญอันแท้จริงนั่นคือ อานุภาพของจิตที่ฝึกมาดีแล้ว เจ้ากรรมนายเวรภาคทิพย์ก็จะได้อานิสงส์ไปด้วย เมื่อเขาไม่ได้ทำ การให้อภัยกรรมกันจึงไม่เกิด การสร้างบุญใหม่ ต่อกุศลจิตใหม่ เป็นอนุภาพใหม่ๆไปในชีวิตหน้า เขาก็ไม่ได้ทำ เพราะถึงเวลาเจ้ากรรมนายเวรภาคทิพย์ ก็รุมเอาคืนเขากรรมย่อมยุติธรรมเสมอ หากเรามองในมิติแค่ชีวิตนี้ เราจะมองว่าไม่ยุติธรรม แต่หากว่าเราสาวย้อนภพย้อนชาติไปดูได้ เราก็จะเข้าใจประโยคนี้จริงๆว่า “สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม” จริงๆ
คุณแตงโมนิดานั้น ยังมีเจ้ากรรมนายเวรที่เป็นคนด้วย เพราะดาว ๗ นั้นเป็นดาวกาลีย้อนกลับไปหาที่มาของดาว ๗ ปรากฏว่าเป็นเจ้าเรือนอยู่สองที่คือ เป็นเจ้าเรือนภพพันธุและเป็นเจ้าเรือนภพสหัชชะ
- เมื่อดาวกาลีเป็นเจ้าเรือนภพพันธุ จะทำให้คุณแตงโมนิดานั้น ไม่ค่อยถูกกับญาติ เดือดร้อนเพราะพี่น้อง หรือชีวิตวัยต้น ลำบากยากจน หรือการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง
- เมื่อดาวกาลีเป็นเจ้าเรือนภพสหัชชะ ก็ทำให้คุณแตงโมนิดานั้น มีเพื่อนไม่ดี เพื่อนดีต่อหน้าคิดคดอยู่ข้างหลัง การเดินทางสัญจรใดๆในระยะทางใกล้ๆ ก็มักมีปัญหาอุปสรรค
คราวนี้เมื่อเพื่อนเป็นกาลีดาว ๗ ดวงนี้เข้าเทวีฤกษ์ แต่ก็เข้านวางค์กาลีซ้ำเข้าไปอีกติดพิษครุฑดาว ๗ ในภพวินาศ ส่งดาว ๘อีกดวงที่ติดพิษ ไปเข้าสู่โจโรฤกษ์ซ้ำ ยืนยันว่าเพื่อนสนิท คนใกล้ตัว อย่าไว้ใจมาก เป็นอันตรายมาถึงตน แล้วดาว ๘ นี้เล็งดาว ๓ ซึ่งเป็นหลักบุญและวาสนาส่งมาเสียกุมลัคนา เล็งกันเกือบ 180 องศา แถมลัคนา ,๓, มฤตยู กุมในราศีธาตุน้ำ แถมด้วยดาวบาปเคราะห์ดักหน้าดักหลัง ดาวลักษณะแบบนี้ จะประสบอุบัติเหตุ มีเภทภัยใหญ่ในชีวิต หรือคิดสั้นได้
- เพราะดาว ๗ กาลีดักอยู่ข้างหลัง เป็นเพื่อน เป็นคนสนิทที่ใกล้ชิดตัว
- ดาว ๘ เล็งมายังลัคนา ส่งผลบั่นทอนชะตาชีวิตอยู่เสมอๆ
- ดาว ๓ มีองศานำหน้าลัคนา จึงเท่ากับดักทำร้ายอยู่ข้างหน้า
- ดาว O องศานำหน้าลัคนา แค่เพียงนิดเดียวเกือบทับลัคนาเสียด้วยซ้ำ
จึงเข้าตามตำราโหราศาสตร์ชั้นสูงได้ว่า จะประสบเหตุเภทภัยในชีวิตแน่นอน ในอนาคตนั่นเอง ทั้งกรรมเก่าและบุญเก่า นำพาตรียางค์พิษมาทับลัคนา และเล็งลัคนาคุณแตงโมนิดาจึงได้ชดใช้กรรมเก่า แก่เจ้ากรรมนายเวรภาคทิพย์ และที่เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว ใช้กรรมคืนเขาไปในน้ำนั่นเอง
ขออโหสิกรรม ขออานุภาพ ผลบุญแห่งการปล่อยวาง ความไม่ติด ไม่ขัด ไม่ข้อง ไม่คาอานุภาพบุญใดๆที่อาจารย์มีมา ส่งให้คุณแตงโมนิดา เข้าสู่ร่มเงาแห่งพระพุทธศาสนาได้สักครั้งหนึ่ง ในอนาคตกาลเบื้องหน้าด้วยเทอญ…