ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวราหู

ตำแหน่งต่างๆของดาวราหู

คราวนี้เราต้องหมั่นจดจำ ตำแหน่งของดาวราหูในจักรราศีให้ดีดี เพราะเราต้องใช้บ่อย ใช้มากในอนาคต 

(1)ดาวราหูเป็นอุจจ์ในราศีพิจิก “อุจจ์”แปลว่า มีเยอะ มีมาก หากเปรียบเทียบเป็นน้ำก็เต็มถัง100%พอดี 

(2)ส่วนที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่า“อุจจาวิลาศ” ก็คือ มีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป20%ของถัง นี่คือดาวราหูที่เป็นอุจจาวิลาศในราศีตุลย์นั่นเอง 

(3)ดาวราหูที่ราศีตุลย์นี้ มียศเพิ่มไปอีกตำแหน่งว่าเป็น“ราชาโชค” อุจจาวิลาศที่แปลว่า มีเยอะ มีมากแล้ว บวกราชาโชคเข้าไป ก็ได้มาง่าย ไม่ต้องลงทุนมาก ก็ได้มาเป็นกอบเป็นกำนั่นเอง 

(4)ส่วนดาวราหูที่เป็น“อุจจาภิมุข”ในราศีธนูนั้น คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อยแล้ว ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง 

(5)คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่า มีเยอะ มีมากในราศีพิจิก ตรงกันข้ามก็คือราศีพฤษภ เมื่อดาวราหูมาสถิตในราศีพฤษภแบบนี้ เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็น“นิจ” ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง ถ้าเป็นน้ำในถัง ก็ค่อนข้างแห้งขอดนั่นเอง 

(6)ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับดาวราหูที่เป็นเกษตรในราศีกุมภ์ คือราศีสิงห์ ดาวราหูตรงนี้มีตำแหน่งเป็น“ประ” มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตรคือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอ นี่คือความหมายของดาวราหูที่เป็นประนั่นเอง

(7)ตรงนี้ให้จำเพิ่มไปว่า ดาวเสาร์ที่ราศีกุมภ์นั้น มีตำแหน่งเป็น“มูลเกษตร” ความหมายเหมือนกับเป็นเจ้าเรือนเกษตรเช่นเดียวกับดาวราหู ฉะนั้นฝั่งตรงกันข้ามกับดาวเสาร์ในราศีกุมภ์ ก็คือราศีสิงห์ จึงทำให้หากมีดาวเสาร์มาสถิตราศีสิงห์นี้ มีตำแหน่งเป็น“ประ”ไปด้วย มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตรเช่นเดียวกันคือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอนั่นเอง 

(8)ตำแหน่งสุดท้ายให้จำเพิ่มว่า ดาวราหูมีตำแหน่งเป็น“มหาจักร”ที่ราศีมังกร แปลว่า โลดโผน พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน แปลก ยาก แต่ทำแล้วออกมาดี เช่น หากดาวราหูหมายถึงความหลงใหลคลั่งไคล้ในสิ่งที่ชอบ สมมุติว่าเป็นคนที่ชอบศึกษาเรื่องเครื่องรางของขลัง ก็จะสะสมมาก เต็มบ้าน เป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นผู้เชี่ยวชาญ เจาะลึก รู้ประวัติ เป็นเซียนพระเครื่องที่โด่งดังระดับประเทศไปเลย นี่คือความหมายของมหาจักรคือ เล่นใหญ่ จัดใหญ่ หลงใหลคลั่งไคล้เป็นชีวิตจิตใจนั่นเอง

ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวเสาร์

ตำแหน่งต่างๆของดาวเสาร์

คราวนี้เราต้องจดจำตำแหน่งของดาวเสาร์ในจักรราศีให้ดีดี เพราะเราต้องใช้บ่อย ใช้มากในอนาคต 

(1)ดาวเสาร์เป็นอุจจ์ในราศีตุลย์ “อุจจ์”แปลว่า มีเยอะ มีมาก หากเปรียบเทียบเป็นน้ำก็เต็มถัง100%พอดี 

(2)ส่วนที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่า“อุจจาวิลาศ” ก็ถือว่ามีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป20%ของถัง นี่คือดาวเสาร์ที่เป็นอุจจาวิลาศในราศีกันย์นั่นเอง

(3)ส่วนดาวเสาร์ที่เป็น“อุจจาภิมุข”ในราศีพิจิกนั้น คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อยแล้ว ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง

(4)ดาวเสาร์ตรงนี้มียศเพิ่มไปอีกตำแหน่งว่าเป็น“ราชาโชค” อุจจาภิมุขที่แปลว่ามีเยอะมีมากแล้ว บวกราชาโชคเข้าไป ก็ได้มาง่าย ไม่ต้องลงทุนมาก ก็ได้มาเป็นกอบเป็นกำนั่นเอง 

(5)คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่า มีเยอะ มีมากในราศีตุลย์ ตรงกันข้ามก็คือราศีเมษ เมื่อดาวเสาร์มาสถิตราศีเมษแบบนี้ เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็น“นิจ” ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง ถ้าเป็นน้ำในถังก็ค่อนข้างแห้งขอดนั่นเอง 

(6)ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับดาวเสาร์ที่เป็นเกษตรในราศีมังกร คือราศีกรกฎ ดาวเสาร์ตรงนี้จึงมีตำแหน่งเป็น“ประ” มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตรคือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอ นี่คือความหมายของดาวเสาร์ที่เป็นประนั่นเอง 

(7)ตำแหน่งสุดท้ายให้จำเพิ่มว่า ดาวเสาร์มีตำแหน่งเป็น“มหาจักร”ที่ราศีเมถุน แปลว่า โลดโผน พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน แปลก ยาก แต่ทำแล้วออกมาดี เช่น หากดาวเสาร์หมายถึงงานเกษตรกรรม ก็เป็นงานที่ไม่เหมือนใคร เป็นโครงการทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดำริ ทำแล้วออกมาดี มีคุณค่า สร้างระบบพึ่งพาตนเองในประชาชนระดับรากหญ้า นี่คือภาพตัวอย่างที่น่าจดจำ ของดาวเสาร์เป็นมหาจักรนั่นเอง

ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวศุกร์

ตำแหน่งต่างๆของดาวศุกร์

คราวนี้เราต้องหมั่นจดจำตำแหน่งของดาวศุกร์ในจักราศีให้ดีดี เพราะเราต้องใช้บ่อย ใช้มากในอนาคต 

(1)ดาวศุกร์เป็นอุจจ์ในราศีมีน “อุจจ์”แปลว่ามีเยอะ มีมาก หากเปรียบเทียบเป็นน้ำก็เต็มถัง100%พอดี 

(2)ส่วนที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่า“อุจจาวิลาศ” ก็ถือว่ามีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป20%ของถัง นี่คือตำแหน่งของดาวศุกร์ในราศีกุมภ์นั่นเอง 

(3)ส่วนดาวศุกร์ที่เป็น“อุจจาภิมุข”ในราศีเมษนั้น คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อย ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง

(4)แต่ดาวศุกร์ที่ราศีเมษนี้ มียศเพิ่มอีกตำแหน่งคือเป็นประ เพราะอยู่ตรงกันข้ามกับราศีตุลย์ที่เป็นเจ้าเรือนเกษตร อุจจาภิมุข+ประ ก็รวมความหมายเข้ากันได้ว่า มีเยอะ มีมาก แต่ไม่ได้เก็บไว้ที่ตัวเอง เก็บไว้ในชื่อของคนอื่น ฝากไว้กับคนอื่นนั่นเอง

 

(5)คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่า มีเยอะ มีมากในราศีมีน ตรงกันข้ามก็คือราศีกันย์ เมื่อดาวศุกร์มาสถิตราศีกันย์แบบนี้ เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็น“นิจ” ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง ถ้าเป็นน้ำในถังก็ค่อนข้างแห้งขอดนั่นเอง 

(6)ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับดาวศุกร์ที่เป็นเกษตรในราศีพฤษภคือราศีพิจิก ฝั่งตรงกันข้ามกับดาวศุกร์ที่เป็นเกษตรในราศีตุลย์คือราศีเมษ ทั้งสองที่นี้ เราเรียกดาวศุกร์ที่ไปสถิติว่า มีตำแหน่งเป็น“ประ” มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตรคือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอ นี่คือความหมายของดาวศุกร์ที่เป็นประนั่นเอง 

(7)ส่วนที่ต้องจำเพิ่มคือ ดาวศุกร์ที่มาสถิตราศีกรกฎ มีตำแหน่งเป็น“ราชาโชค” แปลว่า“ง่าย”นั่นเอง ไม่ง่ายได้อย่างไรล่ะ? ก็เปรียบเหมือนพระราชาประทานโชคมาให้ ก็เลยได้มาง่าย ได้มาเยอะ ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องออกแรงเยอะนั่นเอง

(8)ตำแหน่งสุดท้ายให้จำเพิ่มว่า ดาวศุกร์มีตำแหน่งเป็น“มหาจักร”ที่ราศีธนู แปลว่า โลดโผน พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน แปลก ยาก แต่ทำแล้วออกมาดี เช่น หากดาวศุกร์หมายถึงศิลปะการแสดง ก็เป็นการแสดงที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร ทุ่มทุนสร้าง ถ่ายทอดไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม โบราณราชประเพณีอันดีงาม เช่น หนังเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวร นี่คือตัวอย่างของความหมายว่า ดาวศุกร์เป็นมหาจักรในราศีธนู ได้เป็นอย่างดีครับ

ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวพฤหัสบดี

ตำแหน่งต่างๆของดาวพฤหัสบดี

คราวนี้เราต้องหมั่นจดจำตำแหน่งของดาวพฤหัสในจักรราศีให้ดีดี เพราะเราต้องใช้บ่อย ใช้มากในอนาคต

(1)ดาวพฤหัสเป็นอุจจ์ในราศีกรกฎ แปลว่า มีเยอะ มีมาก หากเปรียบเทียบเป็นน้ำเต็มถัง100%พอดี

(2)ส่วนที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่า“อุจจาวิลาศ” ก็ถือว่ามีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป20%ของถัง นี่คือตำแหน่งของดาวพฤหัสในราศีเมถุนนั่นเอง 

(3)แต่ดาวพฤหัสที่ราศีเมถุนนี้ มียศเพิ่มอีกตำแหน่งคือ เป็นประ เพราะอยู่ตรงกันข้ามกับราศีธนูที่เป็นเจ้าเรือนเกษตร อุจจาวิลาศ+ประ ก็รวมความหมายเข้ากันได้ว่า มีเยอะ มีมาก แต่ไม่ได้เก็บไว้ที่ตัวเอง เก็บไว้ในชื่อของคนอื่น ฝากไว้กับคนอื่นนั่นเอง 

(4)ส่วนดาวพฤหัสที่เป็น“อุจจาภิมุข”ในราศีสิงห์นั้น คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อย ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง 

(5)คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่า มีเยอะ มีมากในราศีกรกฎ ตรงกันข้ามกับราศีกรกฎก็คือราศีมังกร เมื่อดาวพฤหัสมาสถิตในราศีมังกรแบบนี้ เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็น“นิจ” ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง ถ้าเป็นน้ำในถังเพราะค่อนข้างแห้งขอดนั่นเอง 

(6)ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับดาวพฤหัสที่เป็นเกษตรในราศีธนูคือราศีเมถุน ฝั่งตรงกันข้ามกับดาวพฤหัสบดีเป็นเกษตรในราศีมีนคือราศีกันย์ ทั้งสองที่นี้ เราเรียกว่าดาวพฤหัสที่ไปสถิตว่า มีตำแหน่งเป็น“ประ” มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตร คือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอ นี่คือความหมายของดาวพฤหัสบดีที่เป็นประนั่นเอง 

(7)ส่วนที่ต้องจำเพิ่มคือ ดาวพฤหัสบดีสถิตราศีเมษ มีตำแหน่ง“ราชาโชค” แปลว่า“ง่าย”นั่นเอง ไม่ง่ายได้อย่างไรล่ะ? ก็เปรียบเหมือนพระราชาประทานโชคมาให้ ก็เลยได้มาง่าย ได้มาเยอะ ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องออกแรงเยอะนั่นเอง 

(8)ตำแหน่งสุดท้ายให้จำเพิ่มว่า ดาวพฤหัสมีตำแหน่งเป็น“มหาจักร”ที่ราศีกันย์ แปลว่า โลดโผน พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน แปลก ยาก แต่ทำแล้วออกมาดี เช่น หลักโหรมักตีความหมายของดาวพฤหัสว่าคือ การเรียนการศึกษา ผู้คนโดยทั่วไปเลือกเรียนปริญญา ที่จบออกมาทำงานในสิ่งที่ตนรักและถนัดที่จะทำ แต่เรียนแบบมหาจักรนี้คือ เรียนในสิ่งใหม่ ที่ไม่เหมือนชาวบ้าน แถมจบยาก เพราะเป็นสาขายุทธศาสตร์ผู้นำ เหมือนกุนซือขงเบ้ง ผู้คนมองว่าไร้ประโยชน์ จบแล้วหางานยาก แต่คนที่จบออกมาคิดการใหญ่ เดินกลยุทธ์ปั้นธุรกิจด้วยปัญญาล้วนๆ คุม5ธุรกิจคนเดียว โดยที่ตนแทบจะไม่ต้องออกไปทำงาน นี่คือความหมายของดาวพฤหัสที่เป็นมหาจักร เป็นคนคิดการใหญ่นั่นเอง

ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวพุธ

ตำแหน่งต่างๆของดาวพุธ

คราวนี้เราต้องหมั่นจดจำตำแหน่งของดาวพุธในจักราศีให้ดีดี เพราะเราต้องใช้บ่อยใช้มากในอนาคต 

(1)ดาวพุธเป็น“อุจจ์”ในราศีกันย์ แปลว่า มีเยอะ มีมาก ที่ราศีกันย์นี้เพิ่มยศดาวพุธไปอีกตำแหน่งหนึ่งคือ เป็นเกษตร เมื่ออุจจ์มีเยอะ มีมากแล้ว พร้อมทั้งเป็นเกษตรด้วย จึงมีมั่นคง มีอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง หากเปรียบเทียบเป็นน้ำ ก็เต็มถังอยู่ตลอดเวลานั่นเอง 

(2)คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่า มีเยอะ มีมาก ในราศีกันย์ ตรงกันข้ามกับราศีกันย์ก็คือราศีมีน เมื่อดาวพุธมาสถิตในราศีมีนแบบนี้ เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็น“นิจ” ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง แต่อย่าลืมว่าที่ราศีกันย์มีตำแหน่งเป็นเกษตรด้วย ฝั่งตรงกันข้ามในราศีมีนนี้ ก็ต้องบวกยศเพิ่มไปอีกว่า มีตำแหน่งเป็นประด้วย ฉะนั้นนิจคือ มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียงแล้ว รวมประไปด้วย ก็ไม่ได้เป็นของของตน หรือฝากไว้ที่คนอื่นก็ได้นั่นเอง 

(3)ส่วนดาวพุธ ที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่า“อุจจาวิลาศ” ก็ถือว่ามีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป20%ของถัง นี่คือตำแหน่งของดาวพุธในราศีตุลย์นั่นเอง

(4)ส่วนดาวพุธ ที่เป็น“อุจจาภิมุข”ในราศีสิงห์นั้น คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อย ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง แต่ดาวพุธในราศีสิงห์นี้มีตั้ง3ยศ เพิ่มราชาโชค และมหาจักรมาด้วย แล้วเราจะตีความหมายกันอย่างไรล่ะ? เอาตัวอย่างง่ายๆกันว่า 

หลักโหรนิยมบ่งบอกว่า คนที่มีดาวพุธตำแหน่งดี มักมีวาทศิลป์ในการพูด สมมุติว่าพระราชาประทานงานง่ายๆให้มา สำเร็จแล้วก็เป็นที่โปรดปราน นั่นคืองานเป็นฑูตออกไปเจรจา ออกไปพูดก็เป็น“ราชาโชค”เพราะเป็นงานง่ายๆ แต่เนื้อในนั้นต้องแบกไว้ทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีของพระราชา เพราะเป็นผู้แทนพระองค์ นี่คือความหมายของ“มหาจักร” การเจรจาครั้งนั้นก็สำเร็จไปด้วยดี ได้ทั้งลาภยศสรรเสริญจากพระราชา นี่คือความหมายของดาวพุธที่มี3ยศในที่เดียวกัน ในราศีสิงห์นั่นเอง 

(5)คราวนี้อย่าลืม ดาวพุธเป็นเกษตรในราศีเมถุนด้วย จึงมั่นคง เป็นตัวของตัวเอง สม่ำเสมอนั่นเอง ฝั่งตรงกันข้ามของราศีเมถุนคือราศีธนู จึงเป็นประ ที่แปลว่า ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตนนั่นเอง

ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวอังคาร

 ตำแหน่งต่างๆของดาวอังคาร

คราวนี้เราต้องหมั่นจดจำตำแหน่งของดาวอังคารในจักราศีให้ดีดี เพราะเราต้องใช้บ่อยใช้มากในอนาคต 

(1) ดาวอังคารเป็นอุจจ์ในราศีมังกร “อุจจ์”แปลว่า มีเยอะ มีมาก หากเปรียบเทียบเป็นน้ำก็เต็มถัง100%พอดี 

(2) ส่วนที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่าอุจจาวิลาศ ก็ถือว่ามีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป20%ของถัง นี่คือตำแหน่งของดาวอังคารในราศีธนูนั่นเอง 

(3) ดาวอังคารเป็นอุจจาภิมุขในราศีกุมภ์ คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อย ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง 

(4) คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่า มีเยอะ มีมาก ในราศีมังกร ตรงกันข้ามกับราศีมังกรก็คือราศีกรกฎ เมื่อดาวอังคารมาสถิตในราศีกรกฎแบบนี้ เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็น“นิจ” ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง ถ้าเป็นน้ำในถังก็ค่อนข้างแห้งขอดนั่นเอง

ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับดาวอังคารที่เป็นเกษตรในราศีเมษ ก็คือราศีตุลย์ ฝั่งตรงกันข้ามกับดาวอังคารที่เป็นเกษตรในราศีพิจิก ก็คือราศีพฤษภ ทั้งสองที่นี้ เราเรียกว่าดาวอังคารที่สถิตว่า มีตำแหน่งเป็น“ประ” มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตร คือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอ นี่คือความหมายของดาวอังคารที่เป็นประนั่นเอง

แต่ตรงนี้ต้องจำเพิ่มเติมแถมไปว่า ดาวอังคารที่เป็นประในราศีพฤษภนั้น มีตำแหน่งเป็น“ราชาโชค”ด้วย คราวนี้เราต้องตีความหมายอย่างไรล่ะ? ยกตัวอย่างเช่น เรามีที่ดินที่ซื้อมาด้วยตัวเอง เป็นโลเคชั่นที่ดีมาก ได้มาราคาถูก เหมือนได้มาฟรีๆง่ายๆ เฉกเช่นพระราชาประทานให้ นี่ก็คือความหมายของราชาโชคแล้ว ที่แปลว่า ของมีค่าที่ได้มาง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนเยอะ แต่ที่ดินแปลงนั้น เราใช้ชื่อแฟนเป็นเจ้าของถือครองแทนเรา ก็เท่ากับที่ดินผืนนั้นไม่ใช่ของของตัว(เราเองแล้ว) เป็นประไปเสียแล้ว แต่โดยเนื้อในนั้นจริงๆแล้ว เราก็ทำมาหากินร่วมกับแฟนบนที่ดินผืนนั้น โดยที่ชื่อไม่ได้เป็นของเรานั่นเอง นี่!เราต้องจำภาพแบบนี้ จึงจะเข้าใจได้ง่ายๆว่า ดาวอังคารเป็นประ+ราชาโชค จะออกมาทำนองนี้นั่นเอง

ตำแหน่งสุดท้ายให้จำเพิ่มว่า ดาวอังคารมีตำแหน่งเป็น“มหาจักร”ที่ราศีกันย์ แปลว่า โลดโผน พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน แปลก ยาก แต่ทำแล้วออกมาดี เช่น หลักโหรมักตีความหมายของดาวอังคารคือ ความขยันหมั่นเพียร ดาวอังคารเป็นมหาจักรแบบนี้คือ ขยันสร้างสรรค์ในสิ่งใหม่ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน คนทั่วไปขยันศึกษาเล่าเรียน เพื่อออกมาหางานทำดีดี แต่ขยันแบบมหาจักรนี่ คือขยันสร้างประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ จนสำเร็จ กลายเป็นเจ้าของชิ้นงาน สร้างรายได้ให้กับตัวเอง โดยที่ไม่ต้องออกไปทำงาน นี่คือความหมายของดาวอังคารเป็นมหาจักร จะออกมาประมาณนี้ครับ

ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวจันทร์

ตำแหน่งต่างๆของดาวจันทร์

คราวนี้เราต้องหมั่นจดจำตำแหน่งของดาวจันทร์ในจักรราศีให้ดีดี เพราะต้องใช้บ่อยใช้มากในอนาคต 

(1)ดาวจันทร์เป็นอุจจ์ในราศีพฤษภ แปลว่า มีเยอะ มีมาก หากเปรียบเทียบเป็นน้ำก็เต็มถัง100%พอดี 

(2)ส่วนที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่าอุจจาวิลาศ ก็ถือว่ามีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป20%ของถัง นี่คือตำแหน่งดาวจันทร์ในราศีเมษนั่นเอง

ตรงนี้ให้จดจำเพิ่มว่า ดาวจันทร์ที่ราศีเมษนี้ มียศเพิ่มมาอีก เรียกว่า ตำแหน่งมหาจักร แปลว่า โลดโผน พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน แปลก ยาก แต่ทำแล้วออกมาดี เช่น ในหลักโหราศาสตร์ส่วนมาก ถ้าอยากรู้ว่า คนที่เราดูดวงอยู่ หน้าตาดีหรือไม่? ถ้าดาวจันทร์ของเขาเป็นมหาจักร ก็ย่อมหน้าตาดี แต่หน้าตาดีนี้ ก็แปลก ไม่เหมือนชาวบ้านเขา เหมือนสมัยนิยมเขาชอบหน้าตาเกาหลี แต่ดาวจันทร์เป็นมหาจักรนี้ อาจจะหน้าตาดีแบบไทยโบราณ คมเข้ม และมักมีบุคลิกเด่น จนคนจดจำได้ง่าย นี่คือความหมายของดาวจันทร์เป็นมหาจักร คือ แปลก แต่ดี มีคุณค่า และดูยิ่งใหญ่นั่นเอง 

(3)กลับมาต่อกันที่ ดาวจันทร์เป็นอุจจาภิมุขในราศีเมถุน คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อยแล้ว ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง 

(4)คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่า มีเยอะ มีมาก ในราศีพฤษภ ตรงกันข้ามกับราศีพฤษภก็คือราศีพิจิก เมื่อดาวจันทร์มาสถิตอยู่ในราศีพิจิกแบบนี้ เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็นนิจ ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง ถ้าเป็นน้ำในถังก็ค่อนข้างแห้งขอดนั่นเอง 

(5)ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับดาวจันทร์ ที่เป็นเกษตรในราศีกรกฎ ที่แปลว่า มั่นคง เป็นของตัวเอง สมบูรณ์ สม่ำเสมอ เมื่อดาวจันทร์ไปสถิตฝั่งตรงกันข้ามคือราศีมังกร ดาวจันทร์ตรงนี้เราเรียกว่ามีตำแหน่งประ มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตรคือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอ นี่คือดาวจันทร์เป็นประนั่นเอง 

(6)ส่วนที่ต้องจำเพิ่มคือ ดาวจันทร์ที่สถิตราศีกันย์ มีตำแหน่งเป็นราชาโชค แปลว่า“ง่าย”นั่นเอง ไม่ง่ายได้อย่างไรล่ะ? ก็เปรียบเหมือนพระราชาประทานโชคมาให้ ก็เลยได้มาง่าย ได้มาเยอะ ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องออกแรงเยอะนั่นเอง

ดูดวง เรียนออนไลน์ ดาวอาทิตย์

 ตำแหน่งต่างๆของดาวอาทิตย์

คราวนี้เราต้องหมั่นจดจำตำแหน่งของดาวอาทิตย์ในจักรราศีให้ดีดี  เพราะเราต้องใช้บ่อย ใช้มากในอนาคต 

(1)ดาวอาทิตย์เป็นอุจจ์ในราศีเมษ “อุจจ์”แปลว่า มีเยอะ มีมาก หากเปรียบเทียบเป็นน้ำก็เต็มถัง100%พอดี 

(2)ส่วนที่ยังไม่เต็มอุจจ์ มีแค่ประมาณ80% เรียกว่า“อุจจาวิลาศ” ก็ถือว่ามีเยอะ มีมากเหมือนกัน แต่พร่องไป 20%ของถัง นี่คือดาวอาทิตย์เป็นอุจจาวิลาศในราศีมีนนั่นเอง 

(3)ส่วนดาวอาทิตย์ที่เป็น“อุจจาภิมุข”ในราศีพฤษภนั้น คือเลยอุจจ์มาแล้ว พร่องไปนิดหน่อยแล้ว ถ้าเป็นน้ำก็เหลือประมาณ70%ของถัง 

(4)คราวนี้ฝั่งตรงกันข้ามกับอุจจ์ ที่แปลว่ามีเยอะ-มีมากในราศีเมษ ตรงกันข้ามกับราศีเมษก็คือราศีตุลย์ เมื่อดาวอาทิตย์มาสถิตราศีตุลย์แบบนี้เราเรียกว่ามีตำแหน่งเป็น“นิจ” ที่แปลว่า มีน้อย ไม่ค่อยพอเพียง ถ้าเป็นน้ำในถังก็ค่อนข้างแห้งขอดนั่นเอง

(5)ส่วนฝั่งตรงกันข้ามกับดาวอาทิตย์ที่เป็นเกษตรในราศีสิงห์ ที่แปลว่า มั่นคง เป็นตัวของตัวเอง สมบูรณ์ สม่ำเสมอ เมื่อดาวอาทิตย์ไปสถิตฝั่งตรงกันข้ามในราศีกุมภ์ ดาวอาทิตย์ตรงนี้เราเรียกว่ามีตำแหน่ง“ประ” มีความหมายตรงกันข้ามกับเกษตรคือ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ของของตน ไม่สมบูรณ์ ไม่สม่ำเสมอ นี่คือดาวอาทิตย์เป็นประนั่นเอง 

(6)ส่วนที่ต้องจำเพิ่ม คือดาวอาทิตย์ที่สถิตราศีเมถุน มีตำแหน่งเป็น“ราชาโชค”แปลว่า “ง่าย”นั่นเอง ไม่ง่ายได้อย่างไรล่ะ! ก็เปรียบเหมือนพระราชาประทานโชคมาให้ ก็เลยได้มาง่าย ได้มาเยอะ ไม่ต้องลงทุนมาก ไม่ต้องออกแรงเยอะนั่นเอง 

(7)ส่วนที่ต้องจำเพิ่มตัวสุดท้าย คือดาวอาทิตย์ที่สถิตราศีกรกฎ มีตำแหน่งเป็น“มหาจักร” แปลว่า โลดโผน พิสดาร ไม่เหมือนชาวบ้าน แปลก ยาก แต่ทำแล้วออกมาดี เช่น ถ้าจัดงานแต่ง ก็ทำไม่เหมือนใคร แต่งกายย้อนยุค สนุกครื้นเครงกันแบบโบราณ แต่ดูดี มีเสน่ห์ ผู้คนจดจำ อะไรประมาณนี้! นี่คือความหมายของคำว่ามหาจักรนั่นเอง

ดูดวง เรียนออนไลน์ บทนำที่2

 สรรพสัตว์เริ่มเป็นไปตามกรรม เมื่อมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏ

อาจารย์จะไม่พูดถึงมนุษย์คู่แรกบนโลกตามคำสอนในศาสนาอื่น แต่จะยกคำตถาคตมาเป็นหลักฐาน(บาลี ปา.ที.๑๑/๙๒/๕๖) เพราะมีทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบันพิสูจน์ไว้แล้ว คำตอบนั้นดันไปตรงกับคำพระพุทธเจ้าที่กล่าวไว้เมื่อ2,500กว่าปีดังนี้คือ โลกนี้เคยได้มีการแตกสลายไป แล้วผ่านเวลาอันยาวนานก็รวมตัวก่อเป็นโลกใหม่อีกครั้ง แล้วก็แตกสลายไปอีก เป็นแบบนี้มาจนหาจุดกำเนิดและจุดสิ้นสุดไม่ได้

แต่ระบบการเวียนว่ายนั้น ไม่ได้จบสิ้นตามการแตกสลายของโลกไปด้วย สิ่งที่เวียนว่ายอยู่นั้นตถาคตเรียกว่า“สัตว์” เป็นภาษาบาลีแปลว่า“ผู้ยึดติด” ในขณะที่โลกกำลังพังทลายอยู่นั้น หมู่สัตว์ทั้งหลายอยู่กันในมิติที่เรียกว่า“อาภัสสระ” ใช้ชีวิตอยู่ด้วยการเนรมิตสิ่งที่อยากได้เอา มีความปิติเป็นอาหารเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงธาตุขันธ์ มีลำแสงรัศมีออร่าแผ่ออกจากกายทิพย์นั้น เพราะในขณะนี้นันยังไม่มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏ สัญจรไปมาในอากาศ มีวิมานอันงดงาม และก็เป็นอยู่อย่างนั้นในเวลาอันยาวนาน

และในกาลเวลาอันยาวนานนั้น จนถึงจุดหนึ่งโลกก็ก่อตัวรวมกันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เหล่าาอาภัสสระก็พากันมาจุติลงมาบนโลกที่กำลังเจริญขึ้นนั้น แต่ก็ยังเป็นพื้นน้ำทั้งหมด ยังไม่มีดวงอาทิตย์และยังไม่มีดวงจันทร์ แถมตถาคตยังกล่าวว่าในขณะนั้นจักรวาลหรือกาแล็กซีที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นน้ำทั้งหมด มืดมนไม่แลเห็นสิ่งใดนั่นเอง ซึ่งตรงนี้ก็ตรงกับทฤษฎีที่นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานกันไว้ในเรื่องBig Bang การระเบิดก่อตัวครั้งแรกจนเป็นจักรวาลเช่นทุกวันนี้นั่นเอง

คราวนี้พระพุทธเจ้ายังกล่าวต่อไปว่า บนโลกที่มืดมิดและมีแต่น้ำนั้น ได้เกิดมีง้วนดินปรากฏขึ้น เหมือนนมสดข้น จับกันเป็นฝ้าลอยอยู่บนผิวน้ำ มีสี-กลิ่น-รส-คล้ายเนยใส รสชาติอร่อยดังน้ำผึ้ง เหล่าอาภัสสระก็พากันเพลิดเพลิน ในการเอานิ้วช้อนง้วนดินขึ้นมาลองชิมดู ปรากฏการณ์ตรงนี้เป็นการเปลี่ยนรูปของพลังงาน ที่มีร่างทิพย์ แต่ไปช้อนเอาของหยาบเข้ามาผสมในร่างทิพย์ก็เป็นพลังงานของตน จึงเกิด“ความอยาก”ขึ้น ซึ่งเชื้อแห่งความอยากของเหล่าอาภัสสระก็มีอยู่แล้ว แต่คงระงับไปเพราะอยู่ในมิติที่เป็นพลังงานในรูปแบบของตนล้วนๆ แต่ตอนนี้พามาเพลิดเพลินกันอยู่ที่ผิวโลกที่เต็มไปด้วยน้ำ กายทิพย์ก็เริ่มเปลี่ยนรูปเป็นกายหยาบมากขึ้น ออร่า รัศมี แสงที่แผ่ออกจากกาย ก็เริ่มหายไปเรื่อยๆ จนมีดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ปรากฏขึ้นมา เกิดมีกลางวันและกลางคืนปรากฏขึ้นมา กลุ่มดาวฤกษ์และดาวนักษัตรต่างๆก็ปรากฏขึ้นมาครบองค์ประกอบ

พอมาถึงตรงนี้ก็จะเข้าประเด็นทางโหราศาสตร์ได้ทันทีคือ ในห้วงเวลาอันนานแสนนานที่ยังไม่ปรากฏอาทิตย์และจันทร์นั้น เหล่าผู้เวียนว่ายอาภัสสระนั้นอยู่กันเหมือนผู้ไม่มีกรรม ทั้งๆที่จริงนั้นเนื้อหากรรมยังมีอยู่ยัง ไม่ตาย ไม่เกิด จนปรากฏการรวมตัวของโลกรอบใหม่เกิดขึ้น มีง้วนดินเกิดขึ้น สถานที่ได้ใช้กรรมปรากฏ เชื้อกระตุ้นความอยาก ความยึด ความมีตัวตนในภายใน กระตุ้นให้พวกเขาพากันมาจุติบนพื้นโลกที่เต็มไปด้วยผิวน้ำ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มีการตาย-ไม่มีการเกิด เพราะยังไม่มีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏ

นี่แสดงว่าเข้าหลักตำราทางโหราศาสตร์ชั้นสูงเลย จะว่าบังเอิญก็ไม่ใช่ อาจารย์มองว่าคำสอนพระพุทธเจ้านั้นเหนือกว่าหลักโหราศาสตร์ ครอบหลักโหราศาสตร์ขึ้นไปอีกหลายชั้น แก่นพุทธศาสน์ที่เป็นโลกุตระจึงสามารถแก้กรรมทางโหราศาสตร์อย่างได้ผล แสดงว่าผู้เรียนโหราศาสตร์ต้องลึกซึ้งและปฏิบัติได้ลึกซึ้งยิ่งๆขึ้นไป จึงจะแก้กรรมให้คนอื่นเป็น และสลัดกรรมของผู้อื่นไม่ให้พ่วงพันเป็นกรรมมาถึงตัวผู้เป็นนักโหราศาสตร์เองได้

คราวนี้กลับมาตอนที่โลกกำลังก่อตัวขึ้นมาใหม่ เหล่าอาภัสสระได้พากันมาจุติบนพื้นโลก การเคลื่อนลงมาแบบนี้คือรูปแบบของการเกิดรูปแบบหนึ่ง เหล่าอาภัสสระได้มาหลงยึดในรสชาติของสภาวะที่หยาบกว่า ลำแสง-รัศมี-ออร่า ที่แผ่ออกจากกายนั้นก็หมดไป ในขณะนั้นดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ได้ปรากฏขึ้นให้แสงสว่างแทน เวลาได้กำเนิดเกิดขึ้น จากสภาวะที่เป็นทิพย์อันยาวนาน ไม่มีการเกิด ไม่มีการตาย เชื้อแห่งความยึด ความอยากยังมีอยู่ เมื่อมีกลางวัน-กลางคืนเกิดขึ้น รูปแบบของการใช้กรรมก็เกิดขึ้นครบถ้วนสมบูรณ์ รูปร่าง หน้าตา บุคลิก ผิวพรรณ ความสวยงาม ความหยาบกร้าน ของเหล่าอาภัสสระแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน เพราะเชื้อกรรมที่แฝงอยู่ในภายในนั้น เริ่มส่งผลกรรมให้กายหยาบมีความแตกต่างกัน ตามความอยาก ความยึด ความมีตัวตน ที่ไม่เหมือนกันของแต่ละคนนั่นเอง

มาถึงตรงนี้จึงสรุปได้ชัดเจนว่า กรรมของมนุษย์นั้น เริ่มส่งผล เริ่มได้ชดใช้กรรม ทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดี คือตอนที่เริ่มมีดวงอาทิตย์และดวงจันทร์นั่นเอง ฉะนั้นการมาเกิด การมาจุติของชีวิตชีวิตหนึ่ง ตอนออกจากท้องแม่นั้น อาจจะไม่ใช่ตำแหน่งดาวอาทิตย์และดาวจันทร์ในระบบสุริยะที่ส่งมาก็ได้ แต่อาจจะเป็นระบบอื่นส่งเรามาเกิด แต่ดันมีตำแหน่งองศาและเวลาของดาวอาทิตย์และดาวจันทร์ที่ตรงกัน ในหลักโหราศาสตร์ชั้นสูงเรียกกำลังวาสนา-บารมีว่า“อินทภาส” ซึ่งหมายถึงดาวอาทิตย์นั่นเอง เรียกกำลังบุญ-กุศล-ทานบารมี-คุณธรรมในจิตใจว่า“บาทจันทร์” ซึ่งหมายถึงดาวจันทร์นั่นเอง ซึ่งไปตรงกับคำตถาคตที่มีความหมายว่า สรรพสัตว์เริ่มเป็นไปตามกรรม เมื่อมีห้วงของเวลาเข้ามากำหนดให้เป็นไปนั่นเอง ดังนั้นหลักอินทภาสและบาทจันทร์นี้ อาจารย์บังเอิญไปเจอในพระไตรปิฎกแล้วเอามาเปรียบเทียบกับการกำเนิดโลกได้อย่างลงตัวพอดี และเชื่อในคำพระพุทธเจ้าว่า ถูกต้อง-ตรง-จริง-ตลอดกาล จึงเอามาใช้ในการอธิบายหลักโหราศาสตร์ ให้บรรดาลูกศิษย์ได้เห็นภาพมุมกว้าง ถึงที่ไป-ที่มา ไม่ใช่การนึก มโน จินตนาการไปเอง และมีเหตุผลที่หยิบยกมาประกอบ และพิสูจน์ได้จริงนั่นเอง

คราวนี้ในหลักโหราศาสตร์ชั้นสูงเราจะจับหลักอยู่3หลัก เพื่อประมวลผลวาสนา-บารมี-และบุญเก่าของคนคนหนึ่งว่า มีดี-มีเสียประการใดนั่น คือคำนวณหาที่วางหลักอินทภาส และดูว่าหลักอินทภาสนี้ให้คุณหรือให้โทษ หากให้โทษภาษาโหรจะเรียกว่า“ฆาตมฤตยู” จริงๆแล้วมันคือหลักอินทภาสนั่นเอง หากมันให้โทษจึงเรียกชื่อใหม่เสียว่าฆาตมฤตยูแทน ต่อไปเราก็ดูที่หลักบาทจันทร์ประกอบว่า ให้คุณหรือให้โทษประการใด โดยสมมติง่ายๆเหมือนเราไปซื้อของในร้านสะดวกซื้อ แล้วมีถุงใส่ ข้างถุงนั้นเขียนว่าอินทภาส-บาทจันทร์ ข้างในมีของอยู่3ชิ้นคือ เกณฑ์อุดมชะตา เกณฑ์มัธยมชะตา และเกณฑ์หายนะชะตา บรรจุอยู่ในถุงอินทภาส-บาทจันทร์นั้น

ตัวสุดท้ายที่เราจะเอามาประมวลผล ในการหาวาสนา-บารมี-บุญเก่าของคน คือเวลาตอนที่ออกจากท้องแม่ นั่นคือที่วางตำแหน่งของลัคนา สามอย่างนี้รวมกันเป็นอินทภาส-บาทจันทร์-ลัคนาคือ สิ่งที่เราใช้ลดตัดทอน ประมวลผล หรือเพิ่มมูลค่า ให้กับชะตาชีวิตคน เป็นทางเข้าอันแท้จริงในการดูทิศทางชีวิตของคนอย่างเห็นผล ไม่ต้องไปวน วุ่นวายสับสน หาเป็นตัวต้นอันแท้จริงของคนคนนั้น หากเป็นโหราศาสตร์ขั้นพื้นฐาน เราจะไม่รู้เลยว่า คนที่พยากรณ์อยู่นั้น อาจจะเป็นดวงเศรษฐี มหาเศรษฐี แต่ในพื้นดวงดูไม่ดี ดวงเขาเป็นคนยากจนต่ำต้อยไปเลยก็ได้ แต่หลักอินทภาส-บาทจันทร์นั้น สามารถล้วงลึกได้ตั้งแต่ต้น แค่จับทางเข้าที่เป็นอินทภาส-บาทจันทร์-และลัคนาของเขา ก็ทายความเป็นตัวเขาได้เป็นอย่างดี โอกาสที่ผิดพลาดจึงน้อยลง เพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เรียนโหราศาสตร์ได้มากขึ้น นี่คือความละเอียดลึกซึ้ง อันเป็นทางเข้า ในการประมวลผลบุญ-วาสนา-บารมีของคน ที่โหรยุคโบราณปกปิดไว้ ถ่ายทอดให้เฉพาะศิษย์เข้าตาเท่านั้น หากผู้ใดสนใจศึกษาเล่าเรียนแล้วล่ะก็ จะสนุกเพลิดเพลินกับการเจอตัวตนอันแท้จริง ของผู้ที่เรากำลังวิเคราะห์ชะตาของเขาอยู่นั่นเอง

ดูดวง เรียนออนไลน์: เดือนละ1,000บาท

ดูดวง เรียนออนไลน์

สอนจนดูดวงได้ ปล่อยวิชาให้ไม่มีกั๊ก มีดวงตัวอย่างประกอบทุกบท เรียนจบประกอบอาชีพได้ ทำเป็นงานออนไลน์ได้อย่างอิสรภาพ เป็นองค์ความรู้ต่อยอดให้ชีวิตดีขึ้น ใช้โลกุตรธรรมนำหน้าโหราศาสตร์ ลูกศิษย์จะสามารถแก้กรรมให้คนได้อย่างถูกวิธีตามคำตถาคต ไม่ไปหยิบกรรมเก่ามาต่อเป็นกรรมใหม่ให้เขา ตัวเรายิ่งลึกซึ้งส่งเสริมให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม พร้อมกับรายได้อันงดงามตามความสามารถ เพราะศาสตร์ชนิดนี้ทำมาหากินได้ตลอดชีวิต ต้นทุนแทบจะเป็นศูนย์ ลงทุนแค่ปลูกความรู้-รดน้ำด้วยคุณธรรมในจิตใจ เรียนจบไปพร้อมชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม จากใจผู้สอน...อ.กระบี่โพธิ

รายละเอียด

• นำผู้สมัครเรียนเข้ากลุ่มลับเฟสบุ๊ค 

• อัพโหลดวีดีโอการสอนให้2ชม.ต่อ:สัปดาห์

• ใช้เวลาเรียนประมาณ1ปี ก็พยากรณ์ดวงแบบครบสูตรได้

• ใครไม่มีเวลาเรียน ไม่ใช่ปัญหา เรียนออนไลน์ ที่ไหน เวลาใดก็ได้ ตามที่เราสะดวก 

• ไม่ใช่ไลฟ์สด แต่เป็นวีดีโอการสอนอย่างดี ละเอียด เข้าใจง่าย เรียนไม่เข้าใจอาจารย์ตามตอบคำถามให้จนกระจ่าง

• จบรุ่นแรกยังไม่หนำใจ ขอชัวร์ๆจะให้เรียนฟรีรุ่นถัดไปอีก จนกว่าจะชำนาญ ส่งถึงฝั่ง เป็นนักพยากรณ์ได้ทุกคน

• มีดวงตัวอย่างประกอบการเรียนหลากหลาย สอดแทรกหลักวิชาเข้มข้นขึ้นไปตามลำดับ

วิชาที่สอนมีดังนี้ คือ

• กระชับวงล้อม คัดดาวดี-ดาวเสีย ด้วยการเอาดาวเข้าฤกษ์

• ละเอียดลงไปอีกชั้น ด้วยการเอาดาวเข้า นวางค์ ตรียางค์ ลูกพิษ เพื่อเข้าสู่จักรราศี

• รวบตั้งแต่วงนอก-บีบเข้าสู่วงใน ตีความหมายพื้นดวง

• พยากรณ์รายวัน รายเดือน รายปี รวมดาวจรทั้ง10ดวง

• ปิดท้ายด้วย การวิจารณ์ดวงจริงอย่างละเอียด100ดวง